เหรียญเมตตาธรรมค้ำจุนโลก พระอาจารย์อลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ปี 2544 หลวงพ่ออลงกต/เจ้าคุณอลงกต
เหรียญเมตตาธรรมค้ำจุนโลก พระอาจารย์อลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ปี 2544 หลวงพ่ออลงกต/เจ้าคุณอลงกต
วัดพระพุทธบาทประทานพร หรือ วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งอยู่ที่ ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี วัดแห่งนี้รู้จักกันดีว่ามีรอยพระพุทธบาทเป็นสถานรักษาพักฟื้นผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์และเป็นที่ตั้งของมูลนิธิธรรมรักษ์ วัดแห่งนี้เริ่มต้นรับรักษา และฟักฟื้นผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2535 และดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ผู้ริเริ่มโครงการคือเจ้าอาวาส พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต ติกฺขปญฺโญ) การดำเนินการเกี่ยวกับโรคเอดส์มีสองส่วน ส่วนแรกคือรับดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยโรคเอดส์ทั่วไปจากทั่วประเทศ ส่วนที่สองคือการรับอุปการะเด็กกำพร้าที่ได้รับผลกระทบโรคเอดส์จากบิดามารดา ทั้งสองส่วนอยู่ในการดูแลของวัดประมาณ 2000 คน แบ่งเป็นเด็กประมาณ 1300 คน ในแต่ละเดือนวัดจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าอาหาร ยารักษาโรค ค่าบริหารจัดการภายในวัด และค่าเผาศพ
ปัจจุบันได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเดือนละ 100000 บาท ส่วนที่เหลือเป็นการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ส่วนยาต้านไวรัสเอดส์และอาสาสมัครได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เจ้าคุณอลงกต วัดพระบาทน้ำพุแนะวิธีสร้างสุขให้ชีวิต
“ในโลกนี้ก็เป็นเพียงการปรุงแต่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา มองทุกอย่างให้รู้เห็นตามความเป็นจริง ไม่มีอะไรเป็นของใครนิรันดร์ ท้ายที่สุดแล้วตายไป ก็ไม่สามารถพกพาติดตัวไปได้
ท่านเจ้าคุณอลงกตเล่าว่า คนเรามีความอยากมี อยากได้ อยากเด่น อยากดัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเป็นธรรมดาที่คนเราจะอยากมีเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น แต่หากเราใช้ชีวิตแบบ “อยู่ อย่าง อยาก” มากจนเกินไป ความรู้สึกแบบนี้จะทำให้ตัวเราเองไม่มีความสุข ไม่รู้สึกผิด ไม่ละอายใจ เพราะจิตใจคิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ และความรู้สึกของตนเองเป็นที่ตั้ง จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วสาระสำคัญของการมีชีวิตอยู่ของคนเรานั้น คือการที่จะทำให้ตัวเราเองและคนอื่นที่อยู่ร่วมกับเราได้อย่างมีความสุข มีความคิดคำนึงถึงกันและกันบนโลกใบนี้
ดั่งคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปัจฉิมโอวาท(วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด)
และบทถวายสังฆทานที่บรรดาพุทธศาสนิกชนกล่าวกันเป็นประจำว่า “เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดกาลนานเทอญ”
ความปรารถนาดีต่อผู้อื่นจะทำให้เราลดความเห็นแก่ตัวลงทีละเล็ก ทีละน้อย ก็เหมือนเป็นการลดละกิเลส ตัณหาลง เพราะความสุขที่เราต้องการนั้นไม่ได้จำกัดเพียงเพื่อให้แก่ตนเอง แต่เพื่อทำให้คนรอบข้างของเรามีความสุขไปด้วยกัน
“สิ่งปรารถนาของอาตมามากที่สุด คือเห็นเราทุกคนยิ้มให้กันด้วยความปรารถนาดี ยิ้มให้กันด้วยความเมตตา ยิ้มให้กันเพราะหวังว่าคนตรงหน้าจะมีความสุขกับรอยยิ้มที่เราส่งให้ไป แทนการ “อยากได้” ที่เคยทำมา ซึ่งรอยยิ้มก็เปรียบเสมือนยาแคปซูลแห่งความเมตตา ที่เราส่งไปให้กับร่างกายตัวเอง หรือคนรอบข้าง ได้ทุกคน ทุกกรณี ทุกเวลา และจะทำให้ทุกคนมีความปรารถนาแห่งความสุขเหมือนกัน” เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุอธิบายเสริม
บุคคลที่เสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อบำบัดความทุกข์ของคนอื่นได้คือผู้ประเสริฐ เพราะมี “ต้นทุนแห่งความเมตตามีมากที่สุด” และยิ่งหากบุคคลเหล่านี้ยอมรับกับความเป็นจริง อยู่กับความจริงให้ได้ว่าเป็นของธรรมดา หากจะมีการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ก็ตระหนักได้เสมอว่าเราไม่ได้เป็นคนกำหนดชะตา แต่ธรรมชาติต่างหากที่เป็นตัวกำหนด เพียงเท่านี้เราก็จะมีความสุขกับการใช้ชีวิต เพราะเรามีธรรมะและความเมตตาเป็นยา สร้างภูมิต้านทานความทุกข์ในชีวิตพกติดตัวไปได้ทุกที่
ข้อมูลจาก post today